Time to use chemistry wisely for global healing

เมื่อสารเคมีไม่ใช่ผู้ร้าย แต่คือเครื่องมือของการฟื้นฟูโลก

เมื่อใดก็ตามที่เราได้ยินคำว่า “สารเคมี” ภาพจำแรกที่แวบเข้ามาในความคิดของคนส่วนใหญ่มักจะเป็นภาพที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก อาจเป็นภาพควันพิษที่ลอยออกจากปล่องโรงงาน กากตะกอนอันตรายที่ถูกกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง หรือแม้แต่สารปนเปื้อนในอาหารที่ทำให้เราต้องคอยระมัดระวังกันอยู่ตลอด

ความหวาดกลัวต่อสารเคมีนั้นมีที่มาที่ไป เพราะในอดีตเราเคยเผชิญกับผลกระทบจากการใช้สารเคมีอย่างขาดความรับผิดชอบจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์ที่เราภูมิใจในทุกวันนี้ ล้วนมี “เคมี” เป็นรากฐานสำคัญ ตั้งแต่ยาที่รักษาโรคและชีวิต วัสดุที่ใช้สร้างบ้านเรือน ไปจนถึงอาหารที่เราบริโภค

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะลองปัดฝุ่นภาพจำเดิมๆ นั้นทิ้งไป และมองสารเคมีในอีกมุมหนึ่ง นั่นคือในฐานะ “เครื่องมือ” ที่มีความเป็นกลาง ซึ่งหากเราเลือกใช้มันอย่างเข้าใจ ด้วยเจตนาที่ดี และความรับผิดชอบสูงสุด สารเคมีเหล่านั้นจะสามารถเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ร้าย” มาเป็น “นักฟื้นฟู” ที่ช่วยเยียวยาโลกและสิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าทึ่ง

 

พลิกบทบาทจากมลพิษสู่การเยียวยาธรรมชาติ

โลกของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตความยั่งยืนในหลายด้าน ทั้งการขาดแคลนน้ำสะอาด ดินที่เสื่อมโทรม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น และแน่นอนว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการ “หยุดใช้” สารเคมีทั้งหมด แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะ “เลือกใช้” สารเคมีที่ถูกออกแบบมาเพื่อการฟื้นฟูโดยเฉพาะ

  1. พิชิตน้ำเสียด้วยเฟอร์ริกคลอไรด์ (Ferric Chloride Solution)

น้ำสะอาดคือหัวใจของการดำรงอยู่ และในโรงบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ สารเคมีอย่างเฟอร์ริกคลอไรด์ทำหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนน้ำที่ปนเปื้อนให้กลับมาใสสะอาดอีกครั้ง เฟอร์ริกคลอไรด์ถูกใช้เป็นสารช่วยตกตะกอน (Coagulant) ที่ทรงพลัง มันจะทำลายความเสถียรของอนุภาคแขวนลอย สิ่งสกปรก สารอินทรีย์ และที่สำคัญที่สุดคือการกำจัดโลหะหนักและฟอสฟอรัสออกจากน้ำ

ฟอสฟอรัสและไนโตรเจนที่ถูกปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติคือตัวการหลักที่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียและสาหร่ายเบ่งบาน (Eutrophication) การใช้เฟอร์ริกคลอไรด์กำจัดสารเหล่านี้ออกจากน้ำทิ้งก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำต่างๆ จึงเป็นปฏิบัติการทางเคมีที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในแม่น้ำลำคลองได้โดยตรง ไม่ให้สิ่งมีชีวิตในน้ำต้องเผชิญกับภาวะขาดออกซิเจน นี่คือการใช้เคมีเพื่อความสมดุลของธรรมชาติอย่างแท้จริง

  1. ฟื้นชีวิตให้ผืนดินด้วยคอปเปอร์ซัลเฟต (Copper Sulphate) และสารประกอบแร่ธาตุ

หลายคนอาจมองว่าสารเคมีในภาคการเกษตรมีแต่เรื่องของยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมีที่สร้างภาระให้กับดิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แร่ธาตุทางเคมีบางชนิดเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูดินและเสริมความแข็งแรงให้กับสิ่งมีชีวิต

ตัวอย่างเช่น คอปเปอร์ซัลเฟต (Copper Sulphate) ในแง่มุมของสารประกอบทองแดง มักถูกใช้เพื่อควบคุมเชื้อราและแบคทีเรียในสวนพืชผัก หรือใช้ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อควบคุมสาหร่ายและเชื้อโรค ซึ่งเป็นการควบคุมโรคโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาปฏิชีวนะในปริมาณมาก แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการใช้สารประกอบทองแดงในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเป็นแร่ธาตุเสริมในอาหารสัตว์ที่ช่วยให้ปศุสัตว์มีภูมิคุ้มกันที่ดี การเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ และลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ

การใช้เคมีที่ได้มาตรฐานเหล่านี้อย่างแม่นยำและถูกหลักวิชาการ คือการเติมเต็มสิ่งที่ดินและสิ่งมีชีวิตขาดหายไป ทำให้ระบบนิเวศการผลิตมีความแข็งแรงและยั่งยืนมากขึ้น

  1. นวัตกรรมสีเขียว สารเคมีเพื่อโลกยุคใหม่

ปัจจุบัน โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของเคมีสีเขียว (Green Chemistry) ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการทางเคมีเพื่อลดหรือกำจัดการใช้และการสร้างสารอันตรายตั้งแต่ต้นทาง

สารเคมีในยุคใหม่จึงถูกพัฒนาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น สารดูดซับที่มีประสิทธิภาพสูงในการดักจับมลพิษในอากาศ ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts) ที่ช่วยลดพลังงานในการผลิต หรือแม้แต่สารเคมีที่ใช้ในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการใช้เคมีเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และช่วยชะลอวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้อย่างเป็นรูปธรรม

Ferric Chloride and Copper Sulphate the key to sustainability

การใช้เคมีอย่างรู้เท่าทัน คือความรับผิดชอบของโลก

สิ่งที่ควรตระหนักร่วมกันคือ โลกนี้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วย “การหลีกเลี่ยงสารเคมี” แต่ด้วย “การใช้มันอย่างรู้เท่าทันและรับผิดชอบ”

ความรับผิดชอบไม่ได้อยู่ที่สารเคมีเท่านั้น แต่อยู่ที่เจตนาและกระบวนการของผู้ใช้งาน ผู้ผลิตสารเคมีเองก็ต้องยกระดับมาตรฐานการผลิตให้มีความบริสุทธิ์สูง (High Purity) เพื่อลดความเป็นพิษตกค้าง และมีการกำกับดูแล (Governance) ที่โปร่งใส ตามหลักการ ESG

  • การเลือกที่มา

การเลือกใช้สารเคมีจากซัพพลายเออร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เช่น FAMI-QS สำหรับอาหารสัตว์ หรือ ISO ต่างๆ สำหรับการผลิตที่ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain)

  • การใช้งานในปริมาณที่แม่นยำ

การใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่ทิ้งผลกระทบเกินจำเป็นต่อสิ่งแวดล้อม

  • การจัดการของเสีย

การลงทุนในเทคโนโลยีที่ทำให้ของเสียจากกระบวนการบำบัดน้ำสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น การนำตะกอนบางส่วนนำไปปรับปรุงดิน ตามแนวคิด Circular Economy

เมื่อเราเปลี่ยนมุมมอง สารเคมีก็ไม่ใช่สิ่งน่ากลัวอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาโลกที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธรรมชาติได้หายใจ และฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้นในศตวรรษที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้

Principles of comprehensive responsibility

สรุป

น้ำสะอาดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน และน้ำที่ไหลเวียนอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มันคือผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เฟอร์ริกคลอไรด์ (Ferric Chloride Solution) เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ยืนยันว่าการใช้สารเคมีที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้จริง โดยเฉพาะการเปลี่ยนน้ำที่ปนเปื้อนให้กลับมาใสสะอาดและปลอดภัยอีกครั้ง การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่แค่การประหยัดน้ำ แต่คือการลงทุนในกระบวนการบำบัดที่ชาญฉลาด เพื่อให้เราสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบเชิงลบต่อโลกให้เหลือน้อยที่สุด

 

บริษัท เอเชี่ยนเคมิคัล จำกัด (ACC) เข้าใจถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เบื้องหลังคำว่า “สารเคมี” เราไม่ได้เพียงผลิตสารเคมี แต่เราผลิตเครื่องมือแห่งการฟื้นฟู ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์ริกคลอไรด์เพื่อน้ำสะอาด หรือ คอปเปอร์ซัลเฟตเพื่อความยั่งยืนในภาคการเกษตร เรามุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโลกให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยหลักการ Green Chemistry

 

📞 Tel: +66 (38) 570 150-2 Ext. 106, 107 หรือ +66 (81) 8337 043

📩 E-mail: [email protected]

🌐 Website: https://acc1976.com/th/

🏢 บริษัท เอเชี่ยน เคมิคัล จำกัด

85/1 หมู่ 5 นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ถ.บางนา-ตราด กม.36 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 24130

No Comments

Post A Comment

Facebook